กรณีการใช้งานทางธุรกิจที่รองรับสำหรับ Stripe Issuing

Issuing

Stripe Issuing รองรับทั้งโปรแกรมบัตรดิจิทัลและบัตรจริงที่ปรับตามความเฉพาะตัวสำหรับกรณีการใช้งานทางธุรกิจหลากหลายรูปแบบ

โดยข้อกำหนดต่อไปนี้จะมีผลบังคับใช้เสมอ

1. ต้องใช้บัตรเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจ

บัตรที่สร้างผ่าน Stripe Issuing ต้องนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจเท่านั้น และห้ามนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์ส่วนบุคคล เพื่อครอบครัว หรือในครัวเรือน ในปัจจุบันเรายังไม่รองรับกรณีการใช้งานสำหรับผู้บริโภค แต่โปรดกลับมาดูข่าวสารอัปเดตในเร็วๆ นี้

2. เงินที่นำมาใช้จ่ายผ่านบัตรต้องมาจากธุรกิจหรือองค์กรไม่แสวงผลกำไร

เงินที่นำมาใช้จ่ายผ่านบัตรทุกใบต้องมาจากนิติบุคคลเชิงพาณิชย์หรือนิติบุคคลที่เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร และห้ามมาจากเงินส่วนบุคคลของบุคคลทั่วไปไม่ว่าจะโดยทั้งหมดหรือบางส่วน (แต่มาจากเงินของธุรกิจของบุคคลทั่วไปได้ อย่างเช่นในกรณีของกิจการที่มีเจ้าของคนเดียว)

หากลูกค้าของคุณเป็นธุรกิจอื่นๆ และเงินที่นำมาใช้จ่ายผ่านบัตรมาจากธุรกิจเหล่านั้น คุณจะต้องสร้างบัญชีที่เชื่อมโยงเพื่อเพิ่มลูกค้าที่เป็นธุรกิจแต่ละรายเข้ามาในระบบ

3. ข้อจำกัดการใช้จ่ายผ่านบัตรต้องห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการใช้งาน

บัตรทุกใบต้องมีข้อจำกัดการใช้จ่ายที่สอดคล้องกับกรณีการใช้งานที่ระบุไว้ของแพลตฟอร์ม ดูตัวอย่างได้ที่ด้านล่าง

4. ห้ามไม่ให้แพลตฟอร์มดำเนินธุรกิจต้องห้ามหรือธุรกิจที่ถูกจำกัด

ห้ามใช้บัตรในกรณีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจต้องห้ามหรือธุรกิจที่ถูกจำกัด เช่น กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย การพนัน อาวุธปืน เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ คริปโตเคอเรนซี และอื่นๆ ดูรายการฉบับเต็มได้จากลิงก์ด้านบน

ตัวอย่างกรณีการใช้งานที่รองรับมีดังต่อไปนี้

ตัวอย่างเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงกรณีการใช้งานทางธุรกิจบางส่วนที่ Stripe Issuing รองรับ

แพลตฟอร์มการจัดการค่าใช้จ่าย

เปิดให้ธุรกิจที่ใช้แพลตฟอร์มของคุณสามารถออกบัตรชำระค่าใช้จ่ายเพื่อแจกจ่ายเงิน ควบคุม และจัดการการใช้จ่ายของพนักงาน การใช้จ่ายควรมีการตั้งข้อจำกัดไว้สำหรับรายการซื้อทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ (เช่น ควรอนุญาตการใช้จ่ายสำหรับเดินทาง แต่ควรห้ามการใช้จ่ายสำหรับการพนัน)

สวัสดิการองค์กร

สร้างโปรแกรมรางวัลตอบแทนเพื่อให้ผู้ใช้ของคุณสามารถนำเสนอสิทธิพิเศษในที่ทำงานให้กับพนักงาน ซึ่งรวมไปถึงรางวัลจูงใจให้รักษาอายุงาน สิทธิพิเศษสำหรับความภักดี รางวัลจากลูกค้า ฯลฯ ไม่สามารถนำบัตรไปใช้เบิกจ่ายเงินสด (เช่น ชำระค่าจ้าง ค่าทิป หรือโบนัสเงินสด) ให้กับพนักงานได้ อีกทั้งจะไม่อนุญาตให้ใช้บริการ ATM เพื่อใช้เงินในบัตรด้วยเช่นกัน เงินที่ใช้จ่ายจะต้องเป็นเงินของบริษัท (ไม่ใช่ของเจ้าของบัตร) ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่สถานะการจ้างงานของเจ้าของบัตรสิ้นสุดลง เงินจำนวนใดก็ตามที่เหลืออยู่ในบัตรจะต้องถูกริบคืน การใช้จ่ายควรมีการตั้งข้อจำกัดไว้สำหรับรางวัลตอบแทนพนักงานตามสิทธิ์ที่พึงได้รับ (เช่น ผู้ที่ให้สวัสดิการด้านสุขภาวะควรเปิดให้ทำธุรกรรมได้เฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะ)

บัตรใช้จ่ายสำหรับผู้รับจ้าง

ออกบัตรให้ผู้รับจ้างอิสระหรือผู้ให้บริการนำไปใช้ซื้อสินค้าบริการในนามของบริษัท (เช่น มาร์เก็ตเพลส) เพื่อให้ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจได้เสร็จสมบูรณ์ (เช่น การจัดส่งแบบออนดีมานด์ การซ่อมแซมบ้าน ฯลฯ) สินค้า/บริการของมาร์เก็ตเพลสจะต้องไม่จัดอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมที่มีการควบคุม (เช่น การจำหน่ายเภสัชภัณฑ์) การใช้จ่ายควรมีการตั้งข้อจำกัดไว้สำหรับแวดวงอุตสาหกรรมของบริษัท (เช่น การใช้จ่ายสำหรับมาร์เก็ตเพลสในวงการส่งอาหารควรมีการตั้งข้อจำกัดไว้สำหรับรหัส MCC ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร)

หมู่ยานพาหนะ

ออกบัตรสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง การซ่อมแซมยานยนต์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของการใช้ยานพาหนะตามหมวดหมู่การใช้จ่ายที่คุณกำหนดเอาไว้ ผู้ใช้จะได้รับข้อมูลธุรกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบลงรายละเอียดเพื่อนำไปใช้สำหรับการรายงาน การใช้จ่ายควรมีการตั้งข้อจำกัดไว้สำหรับหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเชื้อเพลิงและการจัดการยานพาหนะ

แฟคตอริ่ง

ออกบัตรเพื่อเปิดให้ธุรกิจ (ลูกค้าของคุณ) สามารถนำรายได้จากการที่คุณซื้อใบแจ้งหนี้ที่ธุรกิจดังกล่าวมีอยู่ไปใช้จ่าย (เรียกอีกอย่างว่าแฟคตอริ่งหรือการซื้อขายลูกหนี้ทางการค้า) ธุรกิจจะได้รับเงินก้อนล่วงหน้าจากแฟคตอริ่งแพลตฟอร์ม โดยเงินส่วนนี้เป็นค่าซื้อยอดลูกหนี้จากลูกหนี้ทางการค้าที่ธุรกิจมีอยู่ คุณจะออกบัตรให้ได้เฉพาะสำหรับพนักงานหรือผู้รับจ้างของลูกค้าคุณเท่านั้น แพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีความประสงค์จะเปิดกรณีการใช้งานแฟคตอริ่งจะต้องมอบเอกสารความเห็นทางกฎหมายที่ระบุว่ากิจกรรมทางการเงินดังกล่าวไม่ถือเป็นการให้เงินกู้ แต่ถือว่าเป็นแฟคตอริ่ง การใช้จ่ายควรมีการตั้งข้อจำกัดตามตลาดเป้าหมายของแพลตฟอร์ม (เช่น แพลตฟอร์มแฟคตอริ่งรายหนึ่งอาจให้บริการกับบริษัทยานยนต์ ส่วนอีกรายอาจให้บริการกับครีเอเตอร์)

การเบิกจ่ายประกัน

สร้างบัตรที่ผู้ถือกรมธรรม์สามารถนำไปใช้ชำระการเคลมประกันที่ผ่านการอนุมัติแล้ว คุณต้องตั้งมาตรการควบคุมการใช้จ่ายของบัตรเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะสามารถนำบัตรดังกล่าวไปใช้เพื่อซื้อสิ่งทดแทนสำหรับสิ่งที่ทำประกันเอาไว้เท่านั้น โดยไม่สามารถใช้บัตรเพื่อเบิกจ่ายเงินก้อนได้แต่อย่างใด บัตรจะเปิดใช้งานได้ก็ต่อเมื่ออนุมัติการเคลมประกันแล้วเท่านั้น

ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง

สร้างโปรแกรมซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (Buy Now, Pay Later หรือ "BNPL") และสร้างบัตรเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการให้กับผู้ค้า แล้วจึงขายสินค้าและบริการดังกล่าวให้ลูกค้าของคุณอีกต่อ ธุรกรรมแต่ละรายการต้องมีองค์ประกอบเด่นชัดสองอย่างดังต่อไปนี้ 1) การซื้อสินค้าและ/หรือบริการจากผู้ค้า (ผ่านเงินในบัตรจาก Stripe Issuing) 2) การขายสินค้าและ/หรือบริการที่ซื้อมาดังกล่าวให้กับลูกค้า BNPL แพลตฟอร์ม BNPL จะต้องมอบเอกสารความเห็นทางกฎหมายที่แสดงถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการขอใบอนุญาตและ/หรือกฎหมายการให้กู้ที่เกี่ยวข้อง และจะต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม

การชำระเงินแบบ B2B

สร้างบัตรสำหรับซื้อสินค้าและบริการเป็นสินค้าคงคลังเพื่อนำไปขายต่อ (เช่น แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวซื้อสินค้าคงคลังของโรงแรม) เงินที่เติมเข้าไปในบัญชีจะใช้เพื่อเอื้อต่อการทำธุรกรรมในส่วน B2B ของธุรกรรมแบบ C2B2B บัตรที่ออกให้ในนามของผู้ใช้ Stripe จะเป็นบัตรดิจิทัลอย่างเดียวเท่านั้น บัตรไม่ควรมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับผู้บริโภครายใดทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังไม่ควรมีการทำการตลาดใดๆ เกี่ยวกับบัตรดังกล่าวเช่นกัน ผู้ทำรายการธุรกรรมบัตรที่ออกโดย Stripe ทุกใบต้องเป็นผู้ใช้ Stripe และไม่ใช่ลูกค้าของผู้ใช้ Stripe แต่อย่างใด ห้ามไม่ให้ผู้ขายต่อตั๋วที่ใช้บอทหรือผู้ขายต่อสินค้าจำนวนจำกัด (เช่น รองเท้าสนีกเกอร์) ใช้บริการ การใช้จ่ายควรมีการตั้งข้อจำกัดตามแวดวงอุตสาหกรรมของบริษัท (เช่น ผู้ให้บริการชำระเงินแบบ B2B ที่เน้นการซื้อที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็ควรเปิดให้ใช้จ่ายเฉพาะที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว)