ข้อพิจารณาทางกฎหมายสำหรับการจัดการข้อมูลการยืนยันเอกสารประจำตัวสำหรับธุรกิจของคุณ

การเก็บเอกสารประจำตัวหรือการใช้ข้อมูลชีวมาตรของผู้บริโภคจะต้องเป็นไปตามการตรวจสอบที่เพิ่มความเข้มงวดยิ่งขึ้นภายใต้กฎหมายต่างๆ ในหลายประเทศ บริการยืนยันตัวตนของ Stripe จะทำหน้าที่เป็นอินพุตหรือเครื่องมือเดี่ยวๆ ที่นำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ คุณควรขอรับคำปรึกษาด้านกฎหมายหรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดจากหน่วยงานอิสระเพื่อตัดสินใจว่าบริการยืนยันตัวตนของ Stripe เหมาะที่จะใช้ในโปรแกรมการปฏิบัติตามข้อกำหนดของคุณหรือไม่ โปรดทราบว่า Stripe ไม่ได้เสนอวิธีการปฏิบัติตามภาระผูกพันทางกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับอย่างข้อกำหนดด้านการรู้จักลูกค้าของคุณ (KYC) ในแบบที่ครอบคลุมครบวงจร และ Stripe ไม่ได้มีบทบาทเป็นตัวแทนที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ในนามของคุณ

โปรดตรวจสอบแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดก่อนเริ่มใช้งานจริงเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้ตั้งความคาดหวังที่เหมาะสมกับผู้ใช้และสร้างการผสานการทำงานที่ปลอดภัย นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้เทมเพลตคำถามที่พบบ่อยนี้เพื่อช่วยอธิบายขั้นตอนการยืนยันเอกสารประจำตัวผ่าน Stripe Identity ให้ผู้ใช้ของคุณได้อีกด้วย

Stripe Identity อาจช่วยให้คุณปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายเหล่านี้ได้บางประการ โดยจะแจ้งเตือนลูกค้าของคุณว่าทั้งคุณและ Stripe จะมีสิทธิ์ใช้และแชร์ข้อมูลของลูกค้าตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของแต่ละฝ่าย และตามคำยินยอมที่ได้รับก่อนนำข้อมูลชีวมาตรของลูกค้ามาใช้ในการยืนยัน

แม้ว่า Stripe จะจัดเก็บสำเนารูปภาพและเอกสารประจำตัว รวมถึงบันทึกแสดงคำยินยอม (หากมีการร้องขอ) ของลูกค้าไว้ให้คุณในแดชบอร์ด Stripe แต่คุณก็อาจมีภาระผูกพันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บรักษา การใช้งาน และการลบข้อมูลเหล่านี้


คุณควรตรวจสอบกับที่ปรึกษาด้านกฎหมายทุกครั้งเพื่อทำความเข้าใจว่าคุณควรใช้งาน เก็บรักษา และลบข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้อย่างไร โดยต่อไปนี้คือตัวอย่างเฉพาะที่คุณควรคำนึงถึง ซึ่งเป็นภาระผูกพันบางประการที่มีผลใช้กับบางพื้นที่

วิธีสำรองสำหรับการยืนยัน

หากลูกค้าของคุณไม่ยินยอมให้ใช้งานข้อมูลชีวมาตรของตน คุณอาจจำเป็นต้องให้ลูกค้าใช้วิธีสำรองเพื่อเข้าถึงบริการของคุณที่ไม่จำเป็นต้องสร้างตัวระบุชีวมาตร โปรดตรวจสอบกับที่ปรึกษาด้านกฎหมายของคุณ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในทางเลือกก็คือยืนยันโดยให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนการตรวจสอบ

การลดปริมาณหรือการลบข้อมูล

จำนวนกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวที่กำลังเพิ่มขึ้นห้ามไม่ให้บริษัทต่างๆ เก็บข้อมูลส่วนตัวไว้นานเกินความจำเป็นตามจุดประสงค์ในการเก็บข้อมูลดังกล่าวหรือหลังจากมีผู้ร้องขอให้ลบข้อมูล  โดยปกติแล้ว Stripe จะรักษาความต้องการทางธุรกิจของคุณให้สมดุลกับข้อกำหนดเหล่านี้โดยเก็บรักษาข้อมูลไว้ในแดชบอร์ด Stripe ของคุณเป็นเวลา 3 ปีและอนุญาตให้คุณลบข้อมูลก่อนครบกำหนดได้ หากลูกค้าร้องขอให้ลบหรือหากคุณไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวอีกต่อไป  ในกรณีที่เป็นข้อมูลชีวมาตร ให้ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บรักษาข้อมูลชีวมาตรของ Stripe

การให้เหตุผลสำหรับการร้องขอหรือจัดเก็บข้อมูลบัตรประจำตัวที่ละเอียดอ่อน

ในบางประเทศ เช่น สิงคโปร์และเยอรมนีจะถือว่าบัตรประจำตัวเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง คุณจะขอข้อมูลบัตรประจำตัวชาวสิงคโปร์โดยปราศจากการให้เหตุผลที่เพียงพอไม่ได้ รวมถึงจะเก็บรักษาสำเนาบัตรประจำตัวชาวเยอรมนีโดยไม่มีการแสดงความยินยอมอย่างชัดแจ้งว่าให้เก็บรักษาไว้ได้หลังจากการยืนยันในขั้นต้นแล้วก็ไม่ได้เช่นกัน โปรดตรวจสอบกฎหมายที่บังคับใช้เพื่อให้แน่ใจว่ากรณีการใช้งานของคุณนั้นเหมาะสม จากนั้นใช้ปลายทางการปรับแก้เพื่อลบข้อมูลที่ไม่มีฐานทางกฎหมายรองรับให้คุณเก็บรักษาไว้ได้ 

การปฏิบัติตามคำขอลบข้อมูล

Stripe ไม่ทราบภาระผูกพันทางกฎหมายของคุณและไม่สามารถลบข้อมูลในนามของคุณได้เมื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูล ฉะนั้น Stripe จะขอให้ลูกค้าติดต่อคุณโดยตรงแทนเพื่อขอให้คุณลบข้อมูลของลูกค้ารายนั้นๆ หากลูกค้าขอให้คุณลบข้อมูล คุณสามารถปรับแก้ VerificationSession ซึ่งจะเป็นการลบข้อมูลส่วนตัวจาก VerificationSession นั้น โดยขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาถึง 4 วัน เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น Stripe จะไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนตัวจาก VerificationSession ดังกล่าวในฐานะผู้ให้บริการของคุณอีกต่อไป

เราขอแนะนำให้คุณแจ้งให้ลูกค้าทราบอีกครั้งด้วยว่า Stripe ก็เป็นหนึ่งในผู้ควบคุมอิสระที่ดูแลจัดการข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเช่นกัน รวมถึงบอกให้ลูกค้าติดต่อเพื่อขอให้ Stripe ลบข้อมูลของพวกเขาที่ privacy@stripe.com